วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ข้อคิดสำหรับมือใหม่ในวันที่ตลาดหุ้นตกหนัก ...ทำไงดี !!

ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกปรับฐานแรง เปิด Streaming มาแล้วหน้าจอแดงเถือก นักลงทุนมือใหม่ต้องทำยังไงลองอ่าน ข้อคิดสั้น ๆ นี้ไว้ใช้เตรียมรับมือกันค่ะ



1. มีสติ อดทน หาจังหวะลงทุน 
          เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นที่กำลังตื่นตระหนก (Market Panic) ทั้งจากนโยบายดอกเบี้ยของ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ จากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ อาจส่งผลต่อเงินทุน Fund Flow ที่อาจไหลกลับสู่อเมริกา จึงสร้างความแตกตื่นให้แก่นักลงทุน สิ่งแรกๆ ที่มือใหม่ต้องทำ คือ การมีสติ อดทน รอดูสถานการณ์ หาจังหวะการลงทุน อย่าเพิ่งตกใจไปตามตลาดก่อน
          มือใหม่ควรหันกลับมาดูหุ้นในพอร์ตหุ้นของเราก่อนว่า มีปัจจัยลบ หรือข่าวลือที่มากระทบตลาด มันเกี่ยวข้องกับหุ้นของเราโดยตรงหรือไม่ มีผลมากน้อยต่อบริษัทมากน้อยเพียงใด แล้วปัจจัยนี้จะส่งผลระยะสั้นหรือระยะยาวต่อหุ้นที่ถืออยู่... พอร์ตการลงทุนของเรามีการกระจายความเสี่ยงไว้หรือยัง หรือไปลงใดสินทรัพย์ใดมากเกินไปหรือเปล่า ?

2. วางจุดตัดขาดทุน Stop Loss  
          ถ้าพบว่ามีหุ้นในพอร์ตที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากตลาดหุ้นที่กำลังตกลงอยู่นี้ จนเกิดแรงเทขายอย่างหนัก จนบางทีทำให้หุ้นติดลบมากกว่า 30-70% ได้ สุดท้ายแล้วทำให้นักลงทุนไม่เหลือเงินไว้ลงทุนอยู่รอดต่อไปได้ในตลาดหุ้นต่อไป 
          ดังนั้นนักลงทุนมือใหม่ ควรกำหนดจุด stop loss เอาไว้ให้ชัดเจน ทำตามแผนการลงทุนที่เราวางไว้ เช่น 5-15% แล้วแต่ว่าคุณจะสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ! หรือวางจุด stop loss ตามแนวรับที่มีนัยสำคัญ ณ จุดต่างๆ ของกราฟราคาหุ้นนั้น ๆ  
          "อย่าลืมว่า ถ้าเงินสดหมดกระเป๋า คุณก็หมดโอกาสช้อนซื้อหุ้นดีๆ ตอนมันราคาถูก ! "

3. จัดทำ Watch-list หุ้นไว้ ทำแผนการลงทุน
          หุ้นที่ยังพื้นฐานดี ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้ แต่ราคาหุ้นในระยะสั้นถูกแรงกดดันจากตลาดจนโดนเทขายมาหนัก เพราะตลาดหุ้นกำลังตกใจ "นักลงทุนอาจจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส" เก็บหุ้นที่สนใจที่ทำการบ้านมาอย่างดีแล้วเข้าพอร์ตได้ เนื่องจากมีมูลค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (margin of safety)
          การที่หุ้นตกลงมามากนั้น เป็นโอกาสที่เราจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพทางธุรกิจดี ที่เดิมเราไม่อยากซื้อเพราะราคาหุ้นแพงเกินไป 
          หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อยู่ หรือมีโมเดลธุรกิจที่มั่นคง ทนทานต่อเศรษฐกิจตกต่ำได้ ย่อมที่จะได้เปรียบต่อการผันผวนของตลาดหุ้น ในระยะยาวมีโอกาสฟื้นกลับมาได้มากกว่าหุ้นที่พื้นฐานกิจการไม่แข็งแกร่ง
  
4. ข้อผิดพลาดถือเป็นบทเรียนสำคัญ 
          หาสมุดจดบันทึกดีๆ ซักเล่ม เพื่อไว้จดบันทึกข้อมูล-ข้อผิดพลาด ว่าในการเทรดหุ้นในแต่ละครั้งว่า "ทำไมเราถึงซื้อขายหุ้นตัวนี้... เพราะอะไร... มันน่าสนใจ... ดีหรือไม่ดียังไงบ้าง..."
แล้วทำไมถึงผิดพลาด ! ถ้าคุณจดใส่สมุดแล้วคุณจะไม่เอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินใจซื้อ-ขายหุ้น เชื่อซิ! เพื่อป้องกันความผิดพลาดซ้ำรอยแผลเดิม เจ็บแล้วจำ ! 
          เมื่อเวลาผ่านไป เชื่อว่า หุ้นก็มักจะกลับมาสู่ราคาที่มันควรเป็นตามปัจจัยพื้นฐานของมัน ที่จริงมันก็เป็นอย่างนั้นทุกครั้ง  ดังนั้นถ้าเรา ถือหุ้น” ที่ทำธุรกิจที่เรามั่นใจว่า จะสามารถฝ่ากระแสของเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยได้ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ควรกระทำ

5. ปิดหน้าจอ ออกไปพักผ่อนซะ..นะจ๊ะ
          เงินทุนที่นำมาลงทุนควรที่เงินเย็นมา หรือเป็นเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาสั้นๆ  ไม่ได้กู้ยืมมาเทรดหุ้น ไม่ได้เอามาร์จิ้นไปเล่น หลายคนยืมเงินมาเทรด ยิ่งพอหุ้นตกยิ่งเฝ้าหน้าจอ หวังจะรีบเอาคืนให้ได้  กลายเป็นว่าที่วางแผนมาซะดิบดีโดนอารมณ์ชั่ววูบพาลงเหว ...นักลงทุนมือใหม่ควรเน้นมองการลงทุนระยะยาว เติบโตไปกับธุรกิจ ที่มีปันผลค่อนข้างสูง และหุ้นมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต และที่ราคาหุ้นยังไม่แพงจนเกินไป 
          ดังนั้นถ้าคุณวางแผนการเงินและจัดพอร์ตการลงทุนมาเป็นอย่างดีแล้ว จงอย่าหมกมุ่น ปิดจอ ออกไปพักผ่อน ตั้งค่าแจ้งเตือนไว้เวลาราคาหุ้นมาถึงจุดที่เรากำหนดไว้ รอให้ความคิดคุณตกผลึก หายตกใจก่อน ดั่งสำนวนที่ว่า "Stay Calm, Stay Invest"  คือ ทำใจให้สงบและลงทุนต่อไป  นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ล้วนแล้วแต่วางแผนการลงทุนล่วงหน้ากันทุกคน วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ลองดู


          อย่างที่นักลงทุนระดับโลก วอเร็น บัฟเฟตต์ แนะนำว่า "การทำนายตลาดหุ้น แค่ทำให้ผู้ทำนายดูดีขึ้นเท่านั้น น่าประหลาดใจที่นักลงทุนจำนวนมากเชื่อนักทำนายตลาดอย่างมากมาย แต่เมื่อย้อนหลังแล้ว การทำนายตลาดหุ้นนั้นกลับไม่ได้มีการบันทึกผลลัพธ์ของความน่าเชื่อถือเอาไว้เลย"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น