วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

แก้ office 2010 แถบแดง

แก้ Office 2010 ขึ้นแถบแดง เพราะผลิตภัณฑ์หมดอายุ การเปิดใช้งานล้มเหลว
วิธีแก้ปัญหา microsoft office 2010 ขึ้นแถบแดงหมดอายุ, การเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ล้มเหลว, ตัวช่วยสร้างการเปิดใช้งานไม่มีสิทธิใช้งาน, office 2010 ฟ้อง key หมดอายุ หากไม่รู้จะทำยังไง มาดูกันเลย.

หาก office 2010 ของคุณขึ้นแถบสีแดงด้านบนตามรูป





หรือมีหน้าต่างตัวช่วยสร้างการเปิดใช้งานตามรูปนี้




แน่นอนเลยว่ามีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ขั้นตอนการแก้ปัญหา

1. ปิด office 2010 ออกไป
2. หายาแก้ไอมาใช้ซะก็สิ้นเรื่อง (ดาวน์โหลดยาแก้ไอ office 2010 คลิกที่นี่)


จะไม่คลิกก็ได้ เราวางไว้ให้ตรงนี้แล้วนะคะ


Microsoft office 2010 download ออฟฟิศ 2010 ภาษาไทยตัวเต็มฟรี


แจกฟรี Microsoft office 2010 ภาษาไทยตัวเต็มพร้อมคีย์/activation (crack) ถาวรไม่มีหมดอายุ(one2up,4sh,mf), Download microsoft office 2010 thai full activation (crack).



Microsoft office 2010


โปรแกรม Microsoft office 2010 คือชุดโปรแกรมจัดการงานเอกสารในสำนักงานที่คุ้นเคยกันดี อทิ Microsoft office word 2010, Microsoft office excel 2010, Microsoft office power point 2010, Microsoft access 2010, Microsoft one note 2010, Microsoft outlook 2010, Microsoft publisher 2010, Microsoft share point work space 2010 และเครื่องมือเสริมของ Microsoft office 2010 อื่นๆ.


สำหรับโปรแกรม Microsoft office 2010 ตัวนี้เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยขั้นตอนการติดตั้งและเมนูการใช้งานเป็นภาษาไทย.


ระบบที่รองรับขั้นต่ำ

500 MHz 32-bit or 64-bit processor or higher
256 MB of system memory or more
3.5 GB of available disk space
1024×768 or higher resolution monitor
DVD-R/W Drive


ระบบปฏิบัติการที่รองรับ

Windows XP with Service Pack (SP) 3 (32-bit)
Windows Vista with SP1 (32-bit or 64-bit)
Windows Server 2003 R2 (32-bit or 64-bit) with MSXLM 6.0 installed
Windows Server 2008 with SP2 (32-bit or 64-bit)
Windows 7 (32-bit or 64-bit)
Windows 8 (32-bit or 64-bit)
Windows 8.1 (32-bit or 64-bit)


ยาแก้ไอ : คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator (เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ) แล้วทำตามขั้นตอนตามรูป








คำเตือนการใช้ยาแก้ไอ

ใช้ได้สมบูรณ์กับ Windows 7 เนื่องจากมี .net framework 3.5 อยู่ในตัวอยู่แล้ว.
Windows xp ต้องหา .net framework 3.5 มาติดตั้งก่อน.
Windows 8,8.1,10 ต้องเปิดใช้งาน .net framework 3.5 ก่อนเช่นเดียวกัน.
Download office 2010 ภาษาไทย >> กดตรงนี้
(อ่านวิธีดาวน์โหลด)
Download Crack ยาแก้ไอ ที่นี่.


ยาแก้ไอสำหรับ Windows 10 >> กดตรงนี้
ยาแก้ไอสำหรับ Windows 7 >> กดตรงนี้

โปแกรมแอนตี้ไวรัสอาจมองว่า ยาแก้ไอ เป็นไวรัส นะ ควรปิดแอนตี้ไวรัสก่อนใช้ยาแก้ไอ รับรองว่าไม่เป็นอันตรายกับเครื่องคอมพิวเตอร์แน่นอน ใช้ดีมาตลอด

ฮีต12คอง14 : บุญเข้าพรรษา (แรม 1 ค่ำ เดือน 8)

 เดือนแปด บุญเข้าพรรษา


บุญเข้าพรรษาของภาคอีสานเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาคล้ายคลึงกับทางภาคกลางคือจะมีการทําบุญตักบาตร ถวายผ้าอาบน้ำฝน สงบ จีวรและ เทียนพรรษา หากแต่ในภาคอีสานจะจัดขบวนแห่เทียน อย่างยิ่งใหญ่ และมักมีการประกวดความสวยงามของเทียนจากแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งตกแต่ง สลักเสลาเทียนเป็นลวดลาย เรื่องราวทางพุทธศาสนาอย่างสวยงาม เมื่อแห่เทียนมาถึงวัดชาวบ้านจะรับศีล รับพรฟังธรรม ตอนค่ำจะเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ

มูลเหตุของพิธีกรรม

เนื่องจากในสมัยพุทธกาล พระภิกษุเที่ยวจาริกสอนธรรมไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นฤดูฝน ฤดูหนาว หรือฤดูร้อน แต่ในฤดูฝนนั้น ภิกษุได้เหยียบย่ำข้าวกล้าในนาของชาวบ้านเสียหาย สัตว์ตัว น้อยต่างๆ พลอยถูกเหยียบตายไปด้วย พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติให้ภิกษุต้องจําพรรษา เดือน ในฤดูฝนโดยมิให้ไปค้างแรมที่อื่นใดนอกจากในวัดของตน ถ้าภิกษุฝ่าฝันถือว่า "ศีลขาดและต้องอาบัติทุกกฎ" เว้นแต่กรณีจําเป็นที่เรียกว่า "สัตตาหกรณียะ" เช่น บิดามารดา ป่วย เป็นต้น แต่ต้องกลับมาภายใน วันพรรษาจึงจะไม่ขาด

พิธีกรรม

เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนแปดตอนเช้าญาติโยมก็จะนําดอกไม้ธูปเทียน ข้าวปลา อาหาร มาทําบุญตักบาตรที่วัดตอนบ่ายจะนําสบงจีวร ผ้าอาบน้ำ เทียนพรรษา และดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย พระภิกษุที่วัดแล้วรับศีลฟังธรรมพระเทศนาพอถึงเวลาประมาณ 19.00-20.00 น. ชาวบ้านจะนําดอกไม้ธูปเทียนมารวม กันที่ศาลาโรงธรรมเพื่อรับศีล และเวียนเทียนจนครบสามรอบ แล้วจึงเข้าไปในศาลาโรงธรรมเพื่อฟังพระธรรมเทศนาจนจบจากนั้นจะแยกกันกลับบ้าน เรือนของตน ส่วนผู้ที่มีศรัทธาแก่กล้าก็จะพากันรักษาศีลแปดจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันแรมหนึ่งค่ำเดือนแปด อันเป็นวันเข้าพรรษา ซึ่งพระภิกษุจะ ต้องจําพรรษาในวัดของตนเป็นเวลาสามเดือน

ฮีต12คอง14 : บุญข้าวจี่ (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันมาฆบูชา)

เดือนสาม บุญข้าวจี่



บุญข้าวจี่เป็นประเพณีที่เกิดจากความสมัครสมานของชุมชนชาวบ้านจะนัดหมายกันมาทําบุญร่วมกันโดยช่วยกันปลูกผามหรือปะรํา เตรียมไว้ใน ตอนบ่าย ครั้นเมื่อถึงรุ่งเช้าในวันต่อมาชาวบ้านจะช่วยกันจี่ข้าว หรือปิ้งข้าวและตักบาตรข้าวจี่ร่วมกัน หลังจากนั้นจะให้มีการ เทศน์นิทานชาดก เรื่องนางปุณณทาสีเป็นเสร็จพิธี



มูลเหตุของพิธีกรรม

มูลเหตุจากความเชื่อทางพุทธศาสนา เนื่องมาจากสมัยพุทธกาล มีนางทาสชื่อปุณณทาสี ได้นําแป้ง ข้าวจี่ (แป้งทําขนมจีน) ไปถวายพระพุทธเจ้า แต่จิตใจของนางคิดว่า ขนมแป้งข้าวจี่เป็นขนมของผู้ต่ำต้อย พระพุทธเจ้าคงไม่ฉัน ซึ่งพระพุทธเจ้าหยั่งรู้จิตใจนาง จึงทรงฉันแป้งข้าวจี่ ทําให้ นางปิติดีใจ ชาวอีสานจึงเอาแบบ อย่างและพากันทําแป้งข้าวจี่ถวายพระมาตลอด อีกทั้งเนื่องจากในเดือนสามอากาศของภูมิภาคอีสานกําลังอยู่ ในฤดูหนาว ในตอนเช้าผู้คนจะใช้ฟืนก่อไฟ ผิงแก้หนาวชาวบ้านจะเขี่ยเอาถ่านออกมาไว้ด้านหนึ่งของกองไฟ แล้วนําข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลม โรยเกลือวางลงบนถ่านไฟแดงๆ นั้นเรียกว่า ข้าวจี่ ซึ่งมีกลิ่นหอม ผิวเกรียมกรอบน่ารับประทานทําให้นึกถึงพระภิกษุสงฆ์ ผู้บวชอยู่วัดอยากให้ได้ รับประทานบ้าง จึงเกิดการทําบุญข้าวจี่ขึ้น ดังมีคํากล่าวว่า "เดือนสามค้อย เจ้าหัวคอยปั้นข้าวจี่ ข้าวจี่บ่มีน้ำอ้อย จัวน้อยเช็ดน้ำตา" (พอถึงปลาย เดือนสามภิกษุก็คอยปั้นข้าวจี่ ถ้าข้าวจี่ไม่มีน้ำอ้อยยัดไส้ เณรน้อยเช็ดน้ำตา)

พิธีกรรม

พอถึงวัดนัดหมายทําบุญข้าวจี่ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านจะจัดเตรียมข้าวจี่ตั้งแต่ตอนย่ำรุ่งของวันนั้นเพื่อให้ข้าวจี่สุกทันใส่บาตรจังหัน นอกจาก ข้าวจี่แล้วก็จะนํา "ข้าวเขียบ" (ข้าวเกรียบ) ทั้งที่ยังไม่ย่างเพื่อให้พระเณรย่างกินเองและที่ย่างไฟจนโป่งพองใส่ถาดไปด้วย พร้อมจัดอาหารคาว ไปถวายพระที่วัด ข้าวจี่บางก้อนผู้ เป็นเจ้าของได้ยัดไส้ด้วยน้ำอ้อย แล้วทาด้วยไข่ เพื่อให้เกิดรสหวานหอมชวน รับประทาน ครั้นถึงหอแจกหรือ ศาลาโรงธรรมพระภิกษุสามเณรทั้งหมดในวัดจะ ลงศาลาที่ญาติโยมที่มารวมกันอยู่บนศาลาก่อน แล้วประธานในพิธีเป็นผู้อาราธนาศีล พระภิกษุให้ศีล ญาติโยมรับศีล แล้วกล่าวคําถวายข้าวจี่ จากนั้นก็จะนํา ข้าวจี่ใส่บาตรพระ ซึ่งตั้งเรียงไว้เป็นแถวเท่าจํานวนพระเณร พร้อมกับถวายปิ่นโต สํารับกับ ข้าวคาวหวาน เมื่อพระฉันจังหันเทศน์เสร็จแล้วก็ให้พร ญาติโยมรับ พรเป็นเสร็จพิธี

พิธีตักบาตรข้าวจี่ ประเพณีเก่าแก่ที่หลายชุมชนลืมเลือน แต่ที่วัดไชยศรี ชุมชนสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ยังคงถือปฏิบัติสืบทอดกันมา


 

ฮีต12คอง14 : บุญข้าวประดับดิน (แรม 14 ค่ำ เดือน 9)

เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน


บุญข้าวประดับดิน จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนเก้าเป็นการทําบุญให้ญาติผู้ล่วงลับ โดยการนําข้าวปลาอาหารคาวหวาน หมากพลู บุหรี่อย่างละเล็กละน้อย ห่อด้วยใบตองเป็นสองห่อกลัดติดกันเตรียมไว้ตั้งแต่หัวค่ำ ครั้นถึงเวลาตีสาม ตีสี่ของวันรุ่งขึ้นจะนําห่ออาหารและหมากพลูไปวางไว้ตามโคนต้นไม้รอบๆ วัด เพื่อให้ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ รวมทั้งผีไร้ญาติอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าจะมาเยี่ยมญาติพี่น้องในเวลานี้มารับไปเพื่อจะได้ไม่อดอยากหิวโหย นอกจากจะเป็น การทําบุญและทําทานแล้วยังแสดงถึงความกตัญญูอีกส่วนด้วย


มูลเหตุของพิธีกรรม

คนลาวและไทยอีสานมีความเชื่อสืบต่อกันมาแต้โบราณกาลว่ากลางคืนของเดือนเก้าดับ (วันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้า) เป็นวันที่ประตูนรกเปิดในรอบปี ยมบาลจะปล่อยให้ผีนรกออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ ในคืนนี้คืนเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงพากันจัดห่อข้าวไว้ให้ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วถือว่าเป็น งานบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้วพิธีกรรม ตอนเย็นของวันแรม 13 ค่ำเดือนเก้า แม่บ้านแม่เรือนทุกครัวเรือนจะ "ห่อข้าวน้อย" ซึ่งมีวิธีห่อดังนี้ ฉีกใบตองออกให้มีขนาดกว้างเท่ากับหนึ่งฝ่ามือ ส่วนความยาวนั้นให้ยาวสุดซี่ของใบกล้วย นําเอาข้าวเหนียวนึ่งสุก แล้วป่นเป็นก้อนเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือ วางบนใบตองที่จะห่อ จากนั้นแกะเนื้อปลา ไก่ หมู ใส่ลงไปอย่างละเล็กน้อย (ถือว่าเป็นอาหารคาว) แล้วใส่น้ำอ้อยกล้วยสุก มะละกอสุกหรือขนมหวานอื่น ๆ ลงไปอีกนิด (ถือว่าเป็นของหวาน) จากนั้นใส่หมากหนึ่งคํา บุหรี่หนึ่งมวน เมี่ยงหนึ่งคํา แล้วจึงห่อใบตอบเข้าหากัน โดยใช้ไม้กลัดหัวท้ายและตรงกลางก็จะได้ห่อข้าวน้อยที่มีลักษณะยาวๆ (คล้ายห่อ ข้าวเหนียวปิ้ง) สําหรับจํานวนของ ห่อข้าวน้อยนี้ก็ควรจะให้มีมากกว่าจํานวนญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งนี้เพราะจะต้องมีจํานวนหนึ่งเผื่อผีไม่มีญาติด้วย ครั้งถึงเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. ของวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้าพวกผู้ใหญ่ในแต่ละครัวเรือนจะนําเอาห่อข้าวน้อยไปวางไว้ตามโคนต้นไม้ในวัด ตามดินริมกําแพงวัดบ้าง ริมโบสถ์ริมเจดีย์ในวัดบ้าง การนําเอาห่อข้าวน้อยไปวางไว้ตามที่ต่าง ๆ ในวัดนี้เรียกว่า "การยายห่อข้าวน้อย" ซึ่งจะพากันทําเงียบ ๆ ไม่มีฆ้องกลอง แห่แต่อย่างใด หลังจากยายห่อข้าวน้อยเสร็จแล้ว จะกลับบ้านเตรียมหุงหาอาหารในตอนรุ่งเช้าของวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้า ซึ่งญาติโยมทุกครัวเรือน จะนําข้าวปลาอาหารไปทําบุญตักบาตรเลี้ยงพระ จากนั้นพระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับอานิสงฆ์ของบุญข้าวประดิบดินให้ฟังญาติโยม ถวายจตุปัจจัยไทยทาน พระสงฆ์ให้พรญาติโยมกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ญาติผู้ล่วงลับ




 

ฮีต12คอง14 : บุญข้าวสาก (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10)

 เดือนสิบ บุญข้าวสาก






บุญข้าวสากเป็นประเพณีในวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งชาวบ้านจะจัดเตรียมสํารับอาหาร ซึ่งบรรจุข้าวเหนียว อาหารแห้ง เช่น ปลาย่าง เนื้อย่าง แจ่วบองหรือ น้ำพริกปลาร้า และห่อข้าวเล็กๆ อีกห่อหนึ่งสําหรับอุทิศให้ญาติผู้ล่วงลับและนําไปทําบุญที่วัด โดยจะเขียนชื่อเจ้าของ สํารับอาหารและเครื่องไทยทาน ใส่ไว้ในบาตร เพื่อให้พระในวัดจับสลาก หากภิกษุรูปใดจับสลากได้ชื่อผู้ใด ก็จะได้สํารับอาหารพร้อมเครื่องไทยทานของเจ้าภาพนั้น ๆ


มูลเหตุพิธีกรรม
เพื่อจะทําให้ข้าวกล้าในนาที่ปักดําไปนั้นงอกงามและได้ผลบริบูรณ์และเป็นการอุทิศส่วนกุศลถึงญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว พิธีกรรม เช้าวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบญาติโยมจะพากันทําบุญใส่บาตร ครั้นถึงเวลาพระฉันเพล ญาติโยมชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนจะจัด "พาข้าว" (คือสํารับกับข้าว) พร้อมทั้ง ปัจจัยไทยทาน ชุด แล้วเขียนชื่อของตนลงบนแผ่นกระดาษม้วนลงใส่ในบาตรเดียวกัน เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวนําคําถวายสลากภัต ญาติโยมว่าตามจบแล้วนําไปให้พระเณรจับสลากที่อยู่ในบาตร พระเณรรูปใดจับได้สลากของใครผู้เป็นเจ้าของพาข้าวและเครื่องปัจจัยไทยทานก็นําไปประเคนให้พระเณรรูปนั้นๆ จากนั้นพระเณรจะฉันเพลแล้วให้พรญาติโยมจะพากันรับพร แล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่ญาติพี่น้อง ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว