กองทุนรวม ได้ผลตอบแทนแบบ "ทบต้น"
หรือไม่ อย่างไร ?
เคยเรียนมาตลอดถึงประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้น
แต่แอบสงสัยว่า ถ้าเราซื้อกองทุนไปเช่น 1,000 บาท มันจะมีดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างไรเหรอ ?
เพราะราคาหน่วยลงทุนมันเปลี่ยนตามผลกำไรขาดทุนจากหุ้นที่ไปลง
ในอนาคตอาจเป็น บวกหรือลบ ก็ได้ ปีนี้กำไร ถ้ายังไม่ขาย อีก 3 ปีเกิดหุ้นตกมากๆ ก็ขาดทุน
แต่แอบสงสัยว่า ถ้าเราซื้อกองทุนไปเช่น 1,000 บาท มันจะมีดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างไรเหรอ ?
เพราะราคาหน่วยลงทุนมันเปลี่ยนตามผลกำไรขาดทุนจากหุ้นที่ไปลง
ในอนาคตอาจเป็น บวกหรือลบ ก็ได้ ปีนี้กำไร ถ้ายังไม่ขาย อีก 3 ปีเกิดหุ้นตกมากๆ ก็ขาดทุน
คือไม่เหมือนฝากเงินได้ ดอกเบี้ยทุกปี ดอกเบี้ยที่ไม่ได้ถอนก็ทบๆ ไป
อย่างนี้กองทุนจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นมั้ย ?
อย่างนี้กองทุนจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นมั้ย ?
คำตอบ
เราต้องเริ่มจากความเข้าใจแบบนี้
“ดอกเบี้ย” หรือ “ผลตอบแทน” ในโลกนี้มันจะเป็นแบบ “ทบต้น” หรือไม่
ก็อยู่ที่ว่าเรา “นำดอกเบี้ยนั้นไปใช้” หรือว่า “นำไปลงทุนต่อ”
“ดอกเบี้ย” หรือ “ผลตอบแทน” ในโลกนี้มันจะเป็นแบบ “ทบต้น” หรือไม่
ก็อยู่ที่ว่าเรา “นำดอกเบี้ยนั้นไปใช้” หรือว่า “นำไปลงทุนต่อ”
มันจะเป็นดอกเบี้ยทบต้น ก็ต่อเมื่อเรานำดอกเบี้ยไปลงทุนต่อใน “งวด” ถัดไปเท่านั้น
สังเกตนะ ผู้เขียนเน้นคำว่า “งวด”
ที่ต้องเน้นก็เพราะว่า ถ้าไม่แบ่งช่วงเวลาออกเป็นงวดๆ เราก็จะไม่เห็น “อาการ” ของการ “ทบต้น”
ซึ่งงวดที่นิยมวัดกัน ก็มักจะเป็น “รายปี”
ที่ต้องเน้นก็เพราะว่า ถ้าไม่แบ่งช่วงเวลาออกเป็นงวดๆ เราก็จะไม่เห็น “อาการ” ของการ “ทบต้น”
ซึ่งงวดที่นิยมวัดกัน ก็มักจะเป็น “รายปี”
ผู้เขียนยกตัวอย่างแบบนี้นะ สมมติว่าในแต่ละปี กองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนดังนี้
ปีที่ 1 = 20%
ปีที่ 2 = -10%
ปีที่ 3 = 15%
ปีที่ 2 = -10%
ปีที่ 3 = 15%
สมมติให้กองทุนนี้มี NAV **มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value : NAV)** เริ่มต้นที่
10.00 บาท
เมื่อผ่านไป 1 ปี กองทุนได้กำไร +20%
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 20% ของ NAV ต้นปี 10.00 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 1 = 12.00 บาท
เมื่อผ่านไป 1 ปี กองทุนได้กำไร +20%
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 20% ของ NAV ต้นปี 10.00 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 1 = 12.00 บาท
ณ จุดนี้ ใครลงทุนไว้ 1,000 บาท เงินก็จะโตเป็น 1,200
หากใครถอนกำไรออกไป ก็ถือว่าไม่ทบต้น
หากไม่ถอนออกไป ยังทิ้งกำไรไว้ลงทุนต่อ ก็เริ่มการทบต้นในปีถัดไป
หากไม่ถอนออกไป ยังทิ้งกำไรไว้ลงทุนต่อ ก็เริ่มการทบต้นในปีถัดไป
แต่ใครจะถอน หรือใครจะไม่ถอนก็ช่าง NAV
ของกองจะยืนอยู่ที่ 12.00 บาทอยู่ดี
เพราะเวลามีคนถอนออกไป จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง แต่ NAV จะไม่ได้ลดตามไปด้วย
เพราะเวลามีคนถอนออกไป จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง แต่ NAV จะไม่ได้ลดตามไปด้วย
ในปีที่สองนั้น สมมติให้หุ้นที่ลงทุนตกไป -10%
NAV ก็จะลดลง 10% จาก NAV ต้นปีที่ 12.00 บาท
กลายเป็น NAV ณ สิ้นปีที่ 2 = 10.80 บาท
NAV ก็จะลดลง 10% จาก NAV ต้นปีที่ 12.00 บาท
กลายเป็น NAV ณ สิ้นปีที่ 2 = 10.80 บาท
สังเกตนะ ว่าการลดลง 10% นี้ เป็นการลดลงจากกำไรที่สะสมมาจากปีก่อน
นี่ถือเป็นการ “ทบต้น” นะ แต่เป็นการ “ทบต้น” ไปในทางติดลบ
คือปีที่แล้วไม่ยอมขายออก ปีนี้พอขาดทุน จึงขาดทุนส่วนกำไรของปีก่อนด้วย
นี่ถือเป็นการ “ทบต้น” นะ แต่เป็นการ “ทบต้น” ไปในทางติดลบ
คือปีที่แล้วไม่ยอมขายออก ปีนี้พอขาดทุน จึงขาดทุนส่วนกำไรของปีก่อนด้วย
เงินลงทุน 1,200 บาทจากปีก่อน
ตอนนี้ก็จะเหลือ 1,080 บาทเช่นกัน
ในปีที่สาม หุ้นกลับมาโตได้ +15%
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 15% ของ NAV ต้นปีที่ 10.80 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 3 = 12.42 บาท
NAV ก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 15% ของ NAV ต้นปีที่ 10.80 บาท
จะได้ NAV ณ สิ้นปีที่ 3 = 12.42 บาท
ซึ่งการเพิ่มขึ้น 15% นี้ก็ถือเป็นการเป็นการทบต้นต่อเนื่อง จากผลตอบแทนของ 2 ปีแรก คือจาก
10.00 -> 12.00 -> 10.80 -> 12.42
เงินลงทุน 1,080 บาทจากปีก่อน
ตอนนี้ก็จะโตเป็น 1,242 บาท
เจ้า NAV 12.42 นี้
หากคิดเทียบ NAV 10.00 บาท ก็จะมีผลตอบแทนสะสมรวมในช่วง
3 ปี = 24.2%
หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทน “เฉลี่ย” แบบทบต้น ก็จะได้เท่ากับ 7.49% ต่อปี
(สังเกตว่าไม่ใช่ 24.2% / 3 ปี = 8.07% ต่อปี)
หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทน “เฉลี่ย” แบบทบต้น ก็จะได้เท่ากับ 7.49% ต่อปี
(สังเกตว่าไม่ใช่ 24.2% / 3 ปี = 8.07% ต่อปี)
ลองตรวจคำตอบได้ ให้เงินโตปีละ
7.49% จะโตใน Step นี้
10.00 -> 10.749 -> 11.554 -> 12.42
เริ่มที่ 10 จบที่ 12.42
เท่ากันเลย นี่แหละค่าเฉลี่ยแบบทบต้น
ที่ผู้เขียนต้องอธิบายยกตัวอย่างเสียยืดยาว ก็เพื่อจะให้เห็นความ “ต่อเนื่อง” ของการ “ทบต้น”
ซึ่งสะท้อนอยู่ใน NAV ของกองทุน เพื่อจะบอกว่า…
ซึ่งสะท้อนอยู่ใน NAV ของกองทุน เพื่อจะบอกว่า…
“การลงทุนในกองทุนนั้นหากเราไม่ได้นำผลตอบแทนออกไปใช้มันก็คือการลงทุนที่ได้ดอกเบี้ยแบบทบต้น”
นั่นเอง
กระบวนการนี้ยังช่วยให้เห็นภาพด้วยว่า กองทุนที่ NAV สูงๆ หลายๆ กอง ไม่ได้แปลว่าเค้าแพง
แต่เค้ามีการสะสมผลตอบแทนทบต้นเอาไว้ในกองเยอะมาก (อาจเพราะเก่ง หรืออาจเพราะตั้งมานานหลายปี หรือ ทั้งคู่)
แต่เค้ามีการสะสมผลตอบแทนทบต้นเอาไว้ในกองเยอะมาก (อาจเพราะเก่ง หรืออาจเพราะตั้งมานานหลายปี หรือ ทั้งคู่)
ส่วนจะได้ประโยชน์ระยะยาวมั๊ย ?
อย่างพวกกองหุ้นที่เห็นผลตอบแทนย้อนหลังกันสูงๆ
เนี่ย ก็ผ่านปีบวก ปีลบ ทบต้นกันมาต่อเนื่องนะ
ผลตอบแทนเมื่อนำมาเฉลี่ยแบบทบต้นแล้ว ก็ถือว่าสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
ผลตอบแทนเมื่อนำมาเฉลี่ยแบบทบต้นแล้ว ก็ถือว่าสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น